ความสำคัญของการเทศนา
THE SIGNIFICANCE OF PREACHING
1. พระบิดาเห็นความสำคัญของการเทศนา <The Father sees the importance of preaching>
1.1 พระเจ้าเจิมตั้งพระเยซูให้เทศนาข่าวประเสริฐ < God aointed Jesus to preach the Good News.>
ในพระธรรมอิสยาห์นั้นได้พยากรณ์ถึงพระเยซูคริสต์ที่มาเพื่อประกาศอิสรภาำพแก่ผู้ถูกจำจอง ทุก
ครั้งที่เราสอนนั้นถือเป็นสิทธิพิเศษที่เราจะนำการฟื้นฟูใหญ่มาสู่สมาชิกของเรา
อิสยาห์ 61.1 พระวิญญาณแห่งพระเจ้าทรงอยู่เหนือข้าพเจ้า เพราะว่าพระเจ้าได้ทรงเจิมข้าพเจ้าไว้เพื่อ
นำข่าวดีม ายังผู้ทีุ่ทุกข์ใจ พระองค์ทรงใช้ข้าพเจ้ามาให้เล้าโลมคนที่ชอกช้ำระำกำใจ และ
ร้องประกาศอิสรภาพแก่บรรดาเชลยและบอกการเปิดเรือนจำออก (หรือ การเบิกตา แต่
ฮีบรู ว่า การเปิด) ให้แก่ผู้ที่ถูกจำจอง
1.2 พระเจ้าสั่งให้ผู้รับใช้ของพระองค์เทศนาพระวจนะของพระองค์
< God commanded His servants to preach His Word>
เอกลักษณ์ของผู้รับใช้คือการเทศนาพระวจนะของพระเจ้า
เอเสเคียล 20.46 "บุตรมนุษย์เอ๋ย จงมุ่งหน้าไปทางทิศใต้และเทศนากล่าวโทษพวกถิ่นใต้ จงเผยพระ
วจนะต่อแดนป่าไม้ที่ในถิ่นใต้
เอเสเคียล 21.2-3 2 "บุตรมนุษย์เอ๋ย จงมุ่งหน้าของเจ้าต่อสู้เยรูซาเล็ม และเทศนากล่าวโทษสถาน
ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย จงเผยพระวจนะกล่าวโทษแผ่นดินอิสราเอล
3 และกล่าวแก่แผ่นดินอิสราเอลว่า พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า ดูเถิดเราเป็นปฏิปักษ์กับเจ้า
และเราจะชักดาบของเราออกจากฝัก และเราจะทำลายทั้งคนชอบธรรมและคน
อธรรมออกจากเจ้าเสีย
โยนาห์ 1.2 จงลุกขึ้นไปยังนีนะเวห์นครใหญ่ และร้องกล่าวโทษชาวเมืองนั้น เหตุความชั่วของเขา
ทั้งหลายได้ขึ้นมาถึงเราแล้ว
มาลาคี 2.7 เพราะว่าริมฝีปากของปุโรหิตควรเป็นยามความรู้ และมนุษย์ควรแสวงหาคำสั่งสอน
จากปากของเขา เพราะว่าเขาเป็นทูตของพระเจ้าจอมโยธา
1.3 พระเจ้าสัญญาว่าจะเจิมคนของพระองค์ให้เทศนาพระวจนะของพระองค์
<God promised to anoint His people to preach His Word>
อิสยาห์ 59.21 พระเจ้าตรัสว่า "และฝ่ายเรา นี่เป็นพันธสัญญาของเรากับเขาทั้งหลาย คือวิญญาณ
ของเราซึ่งอยู่เหนือเจ้า และคำของเราซึ่งเราใส่ไว้ในปากของเจ้า จะไม่พรากไปจาก
ปากของเจ้า หรือจากปากลูกของเจ้า หรือจากปากของลูกของลูกของเจ้า ตั้งแต่เวลา
นี้ไปจนกาลนิรันดร์" พระเจ้าตรัสดังนี้
2. พระเยซูเห็นความสำคัญของการเทศนา <Jesus sees the importance of preaching>
2.1 พระเยซูตระหนักว่าพระราชกิจหลักของพระองค์คือการเทศนาเรื่องอาณาจักรของพระเจ้่า
<Jesus recognised that His main ministry was to preach the Kingdom of God>
มาระโก 1.38 พระองค์ตรัสแก่เขาว่า "ให้เราทั้งหลายไปในตำบลบ้านใกล้เคียง เพื่อเราจได้ประกาศ
ที่นั่นด้วย ที่เรามาก็เพื่อการนั้นเอง"
ลูกา 4.43-44 43 แต่พระองค์ตรัสแก่เขาว่า "เราต้องไปประกาศข่าวประเสริฐแห่งแผ่นดินของ
พระเจ้าแก่เมืองอื่นด้วย เพราะว่าที่เราได้รับใช้มา ก็เพราะเหตุนี้เอง"
44 พระองค์ทรงประกาศในธรรมศาลาทั่วยูเดีย (ในที่นี้หมายถึงประเทศของพวกยิว
สำเนาต้นฉบับบางฉบับมีคำ กาลิลี)
2.2 พระเยซูใช้เวลาส่วนใหญ่ในพระราชกิจของพระองค์ในการเทศนาสั่งสอน
<Jesus spent most of His ministry time preaching>
มัทธิว 4.17 ตั้งแต่นั้นมา พระเยซูได้ทรงตั้งต้นประกาศว่า "จงกลับใจเสียใหม่ เพราะว่าแ่ผ่นดิน
สวรรค์ใกล้เข้ามาแล้ว"
มัทธิว 4.23 พระเยซูได้เสด็จไปทั่วแคว้นกาลิลี ทรงสั่งสอนในธรรมศาลาของเขา ทรงประกาศ
ข่าวประเสริฐเรื่องแผ่นดินของพระเจ้า และทรงรักษาโรคภัยไข้เจ็บของชาวเมืองให้
หาย
มัทธิว 9.35 พระเยซูจึงเสด็จดำเนินไปตามนครและหมู่บ้านโดยรอบ ทรงสั่งสอนในธรรมศาลา
ของเขา ประกาศข่าวประเสริฐ แห่งแผ่นดินของพระเจ้า ทรงรักษาโรคและควา่มป่วย
ไข้ทุกอย่างของพลเมืองให้หาย
มาระโก 1.14 ครั้นยอห์นถูกอายัดแล้ว พระเยซูได้เสด็จมายังแคว้นกาลิลี ทรงเทศนาประกาศข่าว
ประเสริฐ ของพระเจ้า
มาระโก 1.39 พระองค์ได้เสด็จไปประกาศในธรรมศาลาของเขาทั่วแคว้นกาลิลี และได้ขับผีออกเสีย
หลายผี
มาระโก 2.1-2 1 ครั้นล่วงไปหลายวัน พระองค์ได้เสด็จไปในเมืองคาเปอรนาอุมอีก และคนทั้งหลาย
ได้ยินว่าพระองค์ประทับที่บ้าน
2 และคนเป็นอันมากมาชุมนุมกันจนไม่มีที่จะรับ จะเข้าใกล้ประตูก็ไม่ได้ พระองค์จึง
เทศนาข่าวนั้นให้เขาฟัง
2.3 พระเยซูสั่งให้สาวกของพระองค์เทศนา <Jesus commanded His disciples to preach>
มัทธิว 10.7 จงไปพลางประกาศพลางว่า "แผ่นดินสวรรค์มาใกล้แล้ว"
มาระโก 3.14 พระองค์จึงทรงตั้งศิษย์สิบสองคนไว้ให้อยู่กับพระองค์ เพื่อจะทรงใช้เขาไปประกาศ
มาระโก 16.15-16 15 ฝ่ายพระองค์จึงตรัสสั่งพวกสาวกว่า "เจ้าทั้งหลายจงออกไปทั่วโลก ประกาศข่าว
ประเสริฐแก่มนุษย์ทุกคน
16 ผู้ใดเชื่อและรับบัพติศมาแล้วผู้นั้นจะรอด แต่ผู้ใดไม่เชื่อจะต้องปรับโทษ
ลูกา 9.1-2 1 พระองค์ทรงเรียกสาวกสิบสองคนมาพร้อมกัน แล้วก็ประทานให้เขามี่อำนาจเหนือ
ผีทั้งปวง และรักษาโรคต่างๆ ให้หาย
2 แล้วพระองค์ทรงใช้เขาไปประกาศแผ่นดินของพระเจ้า และรักษาคนป่วยเจ็บให้หาย
3 พระวิญญาณบริสุทธิ์เห็นความสำคัญของการเทศนา
<The Holy Spirit sees the importance of preaching>
อิสยาห์ 61.1 พระวิญญาณแห่งพระเจ้าทรงอยู่เหนือข้าพเจ้่า เพราะว่าพระเจ้าได้ทรงเจิมข้าพเจ้าไว้
เพื่อนำข่าวดีมายังผู้ที่ทุกข์ใจ พระองค์ทรงใช้ข้าพเจ้ามาให้เล้าโลมคนที่ชอกช้ำระกำ
ใจ และร้องประกาศอิสรภาพแก่บรรดาเชลยและบอกการเปิดเรือนจำออก ( หรือ การ
เบิกตา แต่ฮีบรูว่า การเปิด) ให้แก่ผู้ที่ถูกจำจอง
ลูกา 4.18 พระวิญญาณแห่งพระเป็นเจ้าทรงอยู่เหนือข้าพเจ้า เพราะว่าพระองค์ได้ทรงเจิมตั้ง
ข้าพเจ้าไว้ เพื่อนำข่าวดีมายังคนยากจน พระองค์ได้ทรงใช้ข้าพเจ้าให้ร้องประกาศ
อิสรภาพแก่บรรดาเชลย ให้ประกาศแก่คนตาบอดว่าจะได้เห็นอีก ให้ปล่อยผู้ถูกบีบบัง
คับเป็นอิสระ
4 อัครทูตในคริสตจักรเยรูซาเล็มเห็นความสำคัญของการเทศนา
< The apostis in the Jerusalem Church saw the importance of preaching>
4.1 อัครทูตรู้ว่าพระเยซูทรงบัญชาให้เทศนาพระวจนะของพระเจ้า
< The aposties knew Jesus's command was to preach the Word of God>
กิจการ 10.41-42
41 มิใช่ทรงให้ปรากฏแก่คนทั่วไป แต่ทรงปรากฏแก่เราพวกพยานซึ่งพระเจ้าได้ทรง
เลือกไว้แต่ก่อน คือทรงปรากฏแก่พวกเราที่ได้รับประทานและดื่มกับพระองค์ เมื่อ
พระองค์ทรงคืนพระชนม์แล้ว
42 พระองค์ทรงสั่งให้เราทั้งหลายประกาศแก่คนทั้งปวง และเป็นพยานว่า พระเจ้่าได้
ทรงตั้งพระองค์ไว้เป็นผู้พิพากษาทั้งคนเป็นและคนตาย
4.2 อัครทูตให้ความสำคัญกับการเทศนาพระวจนะของพระเจ้า
< The aposties gave priority to preaching the Word of God>
กิจการ 6.3-4 3 เหตุฉะนั้นพี่น้องทั้งหลายจงเลือกเจ็ดคนในพวกท่าน ที่มีชื่อเสียงดีประกอบด้วยพระ
วิญญาณบริสุทธิ์และสติปัญญา เราจะตั้งเขาให้ดูแลการงานนี้
4 ฝ่ายพวกเราจะขะมักเขม้นอธิษฐาน และรับใช้พระเจ้าในพันธกิจแห่งพระวจนะเสมอ
ไป
5 เปาโลเห็นความสำคัญของการเทศนา
< Paul saw the significance of preaching>
5.1 เปาโลรู้ว่าพระเจ้าทรงเรียกให้ท่านเทศนาพระวจนะของพระองค์
< Paul knew the call of God to preach His Word>
1โครินธ์ 1.17 เพระว่าพระคริสต์มิไ้ด้ทรงใช้ข้าพเจ้าไปเพื่อให้เขารับบัพติศมา แต่เพื่อให้ประกาศข่าว
ประเสริฐ และมิใช่ด้วยชั้นเชิงอันฉลาดในการพูด เกรงว่าเรื่องกางเขนของพระคริสต์จะ
หมดฤทธิ์เดช
1โครินธ์ 9.16 เพราะการที่ข้าพเจ้าประกาศข่าวประเสริฐนั้น ข้าพเจ้าไม่มีเหตุที่จะอวดได้เพราะจำเป็น
ที่ข้าพเจ้าจะต้องประกาศข่าวประเสริฐ ถ้าข้าพเจ้าไม่ประกาศ วิบัติจะเกิดแก่ข้าพเจ้า
กิจการ 9.20 ท่านไม่ได้รีรอ ท่านประกาศตามธรรมศาลา กล่าวเรื่องพระเยซูว่า " พระองค์ทรงเป็น
บุตรของพระเจ้า"
กิจการ 20.19-20 19 พอรับประทานอาหารแล้วก็มีกำลังขึ้น เซาโลพักอยู่กับพวกศิษย์ในเมืองดามัสกัส
หลายวัน
20 ท่านไม่ได้รีรอ ท่านประกาศตามธรรมศาลา กล่าวเรื่องพระเยซูว่า "พระองค์ทรงเป็น
พระบุตรของพระเจ้า"
5.2 เปาโลรู้ว่าพระเจ้าทรงเรียกให้ผู้รับใช้ของพระองค์เทศนาพระวจนะของพระองค์
< Paul knew the call of God is on God's servant to preach His Word>
2ทิโมธี 4.1-2 1 ข้าพเจ้่ากำชับท่านต่อพระพักตร์พระเจ้า และพระเยซูคริสต์ผู้จะทรงพิพากษาคนเป็น
และคนตาย โดยอ้างถึงการที่พระองค์จะเสด็จมาปรากฏและแ่ผ่นดินของพระเจ้าว่า
2 ให้ประกาศพระวจนะ ให้ขะมักเขม้นที่จะทำการทั้งในขณะที่มีโอกาสและไม่มีโอกาส
ให้ชักชวนด้วยเหตุผลเตือนสติและตักเตือนให้อดทนอยู่เสมอในการสั่งสอน
6 การเทศนาเป็นวิธีการสื่อสารพระวจนะของพระเจ้าในสมัยพระคัมภีร์เดิม
< Preaching was the Old Testament way to communicate God's Word>
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น