การเทศนาอรรถาธิบาย An Expository Preaching

ความหมายของการเทศนาอรรถาธิบาย

- มีคนจำนวนไม่น้อยที่ไม่เชื่อพระเจ้า   คริิสเตียนจึงเป็นคนที่อยู่ในโลกที่ยากลำบาก  ถ้าคริสตจักรไม่เทศน์       ความจริงของพระคัมภีร์ ก็ไม่น่าจะเป็นคริสตจักรอีกต่อไป เพราะเราจะต้องเอาความจริงของพระเจ้าออกไปสู่คนที่ไม่เชื่อพระเจ้า

- สภาพต่างๆ ในโลกนี้กำลังพัฒนาไปสู่ิวิวัฒนาการที่พระคัมภีร์ได้พูดถึง  โลกกำลังจะพัฒนามาเป็นหนึ่งเดียวในด้านต่างๆ ยุคนี้เชื่อว่าไม่มีอะไรสมบูรณ์ ไม่มีความจริงในโลกนี้ที่สมบูรณ์ คำตอบในโลกปัจจุบันนั้นต้องแล้วแต่ใครจะคิดอย่างไร

- แต่คริสเตียนมีหลักการที่แท้จริงคือ พระคัมภีร์  ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง  การเทศนาคือการป่าวประกาศพระวจนะของพระเจ้า ผ่านบุคลิกภาพของผู้เทศน์ หมายความว่าผู้เทศน์ถ้ามีพระวจนะของพระเจ้า มีบุคลิกภาพของตนเอง มี่อารมณ์ความรู้สึกร่วมกับสิ่งที่เราเทศน์ โดยอาศัยฤทธิ์เดชของพระเจ้า

- คริสตจักรต้องสอนความจริงแห่งสัจธรรมของพระเจ้าแก่โลกนี้ ด้วยการเทศนาพระวจนะของพระเจ้า

1.   การเทศนาอรรถาธิบายมีลักษณะในทางปฏิบัติดังต่อไปนี้
      <Expository preaching is described by certain practical features>
     
     1.1 เป็นการเทศนาจากเนื้อหาพระคัมภีร์ตอนใดตอนหนึ่งเป็นพื้น
           <It is based on one part of the Bible's text>
           โดยตั้งใจเทศนาเป็นเล่ม แต่ดึงออกมาเป็นตอนๆ
     1.2 เป็นการเทศนาที่ัตั้งใจจะค้นหาความหมายของพระคัมภีร์ตอนนั้น
           <It seeks to discover the meaning of the text>
     1.3 เป็นการเทศนาโดยอธิบายความหมายดั้งเดิมในสมัยนั้นของผู้เขียน
           <It explains the original meaning of the author>
           และตั้งใจให้ผู้ฟัง ผู้้อ่านเข้าใจ
     1.4 เป็นการเทศนาที่ต้องใช้หลักการที่ถูกต้องในการตีความพระคัมภีร์
           <It needs proper hermeneutics for interpreting the text>
           ต้องศึกษาไวยากรณ์, แบบ,การใช้ภาษาเดิม,ลักษณะการเขียนตามข้อ 1.3 เป็นการเทศนาจุลภาค
           บริบทมหภาคเจาะลึกตอนใดตอนหนึ่ง
     1.5 เป็นการเทศนาที่ค้นหาหลักการนิรันดร์จากเนื้อหาพระคัมภีร์
           <It looks for the etemal principle in the text>
           อะไรเป็นหลักการนิรันดร์ คนหลายคนเตรียมเทศน์จากในพระคัมภีร์เท่านั้นไม่พอจะต้องประยุกต์
           ใช้กับผู้ฟังให้ได้
     1.6 เป็นการเทศนาที่นำเสนอการประยุกต์ใช้ในภาคปฏิบัติ
           <It gives pracical applications>
     1.7 เป็นการเทศนาตามโครงที่ดึงจากเนื้อหาพระธรรมตอนนั้นๆ
           <It is communicated around a structure drawn from the text>

2.  การเทศนาอรรถาธิบายมีลักษณะเฉพาะดังต่อไปนี้
     <Expository preaching is described by certain unique features>

     2.1  เป็นการเทศนาที่ต้องใช้ความรู้ความเข้าใจ  แตะต้องความคิดของคน
            < It is an intellectual preaching method>
มัทธิว 13.1-3    1  ในวันนั้นพระเยซูก็เสด็จจากเรือนไปประทับที่ชายทะเลสาบ
                         2  มีคนพากันมาหาพระองค์มากนัก พระองค์จึงเสด็จลงไปประทับในเรือและบรรดาคน
                             เหล่านั้นก็ยืนอยู่บนฝั่ง
                         3  แล้วพระองค์ก็ตรัสกับเขาหลายประการเป็นคำอุปมา เป็นต้นว่า "ดูเถิดมีคนหนึ่งออก
                             ไปหว่านพืช
มัทธิว 13.18-23 18  "เหตุฉะนั้นท่านทั้งหลายจงฟังคำอุปมาว่าด้วยผู้หว่านพืชนั้น
                         19  เมื่อผู้ใดได้ยินคำบอกเล่าเรื่องแผ่นดินพระเจ้าแต่ไม่เข้าใจ มารร้ายก็มาฉวยเอาพืช
                               ซึ่งหว่านในใจเขานั้นไปเสีย นั่นแหละได้แก่เมล็ดพืชซึ่งหว่านตกริมหนทาง
                         20  และเมล็ดพืชซึ่งหว่านตกในที่ดินซึ่งมีพื้นหินนั้น ได้แก่บุคคลที่ได้ยินพระวจนะ แล้วก็
                               รับทันทีด้วยความปรีดี
                         21  แต่ไม่ฝังลึกในตัวจึงทนอยู่ชั่วคราว และเมื่อเกิดการยากลำบาก หรือการข่มเหงต่างๆ
                               เพราะพระวจนะนั้นเขาก็เลิกเสียในทันทีทันใด
                         22  และพืชซึ่งหว่านกลางหนามนั้น ได้แก่บุคคลที่ได้ฟังพระวจนะ แล้วความกังวลตาม
                               ธรรมดาโลก และความลุ่มหลงในทรัพย์สินรัดพระวจนะนั้นเสีย จึงไม่เกิดผล
                         23  ส่วนพืชซึ่งหว่านตกในดินดีนั้น ได้แก่บุคคลที่ได้ยินพระวจนะนั้นและเข้าใจ คนนั้นก็
                               เกิดผลร้อยเท่าบ้าง หกสิบเท่าบ้าง สามสิบเท่าบ้าง"
     2.2  เป็นการเทศนาที่แสดงออกถึงความถ่อมใจ  นบนอบต่อพระวจนะพระเจ้า ผู้เทศน์ไม่ได้คิดเอง
           < It is a humble kind of preaching method>
     2.3  เป็นการเทศนาที่ตรงไปตรงมา   อนุญาตให้พระเจ้าพูดผ่านนักเทศน์ ผ่านทางพระวจนะที่เลือกมา
            < It is a forthright preaching method>
     2.4  เป็นการเทศนาที่มีผลในการเปลี่ยนแปลงชีวิต
            < It is a life-transforming preaching method>
            นักเทศน์จะได้รับการเปลี่ยนแปลงเป็นคนแรก ต้องเชื่อในสิ่งที่เทศน์ จะทำให้ชีวิตได้รับการ
            เปลี่ยนแปลง



a

ความคิดเห็น